เจาะลึก ข้อสอบ SAT คืออะไร
หลังจากที่ได้ไปสัมภาษณ์ หนุ่มหน้าใส กับ ดาวโรงเรียน ดาวมหาวิทยาลัย มาหลายครั้งก็เคยได้ยินน้องๆที่พูดเกี่ยวกับ ข้อสอบ?SAT?ข้อสอบแอดมิชชั่นที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครเข้าเรียนต่อต่างประเทศ ( ระดับปริญญาตรี ) หรือ โรงเรียนภาคอินเตอร์ในเมืองไทยก็จะมี?ข้อสอบ SAT ให้ได้สอบเช่นเดียวกันคะ … ไปดูกันดีกว่าว่า?ข้อสอบ SAT จะเหมือนกับ?ข้อสอบแอดมิชชั่น เด็กไทยหรึเปล่าน่า (?ข้อสอบแอดมิชชั่นเรียนต่อต่างประเทศ )
SAT คืออะไร
SAT ( เอสเอที )คือ ข้อสอบมาตรฐานที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงหลักสูตรอินเตอร์ในเมืองไทยใช้ประกอบการสมัครเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เหมือนกับการแอดมิชชั่นของเรา เพียงแต่ไม่ได้วัดที่ความรู้วิชาต่างๆ แต่เป็นการวัดทักษะ (Skills) การใช้เหตุผล เหมือนข้อสอบความถนัดทั่วไป
ส่วนประกอบของ SAT
SAT ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วนได้แก่ Critical Reading, Mathematics, และ Writing โดยแต่ละส่วนจะมีคะแนนตั้งแต่ 200-800 คะแนน ทำให้คะแนนเต็มรวมคือ 2,400 คะแนน นอกจากนี้ยังให้รายละเอียดคะแนนย่อยในส่วน Writing อีก 2 ส่วนย่อยคือ ส่วน error 20-80 คะแนน และเรียงความ 2-12 คะแนน เวลาที่ใช้ในการสอบคือ 3 ชั่วโมง 45 นาที โดยมีช่วงพักสั้นๆ ระหว่างการทำแต่ละส่วนให้
Critical Reading คือส่วนการอ่านเชิงวิเคราะห์ ประกอบไปด้วยการอ่านบทความสั้นๆ แล้วตอบคำถาม (passage) ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวรรณกรรม และการเติมประโยคให้สมบูรณ์ โดยทักษะที่น้องๆ ต้องใช้คือการหาใจความสำคัญและข้อความสนับสนุน ความเข้าใจความหมายของศัพท์บางคำในแต่ละบริบท เข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียน เข้าใจโครงสร้างและหน้าที่ของแต่ละประโยค
Mathematics คือส่วนคณิตศาสตร์ มีข้อสอบสองแบบคือเลือกคำตอบที่ถูกต้อง และเขียนคำตอบเอง โดยเป็นเนื้อหาคณิตศาสตร์พื้นฐาน และการแปลความหมายของกราฟ ตารางหรือชาร์ต โดยทั้งหมดจะครอบคลุมเนื้อหาหลัก 4 บทเรียนคือ ตัวเลขและการคำนวณ พีชคณิตและฟังก์ชั่น ตรีโกณมิติและการชั่งตวงวัด การวิเคราะห์ข้อมูล สถิติ และความน่าจะเป็น
Writing คือส่วนการเขียน มี 2 ประเภทคือการเขียนเรียงความ และเลือกคำตอบที่ถูกต้อง ซึ่งประกอบไปด้วย การหาจุดที่ผิดในประโยค (errors) การเปรียบเทียบและเลือกข้อเขียนที่ดีที่สุด และการปรับปรุงข้อเขียนสั้นๆ ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ SAT ยังมีข้อสอบอีกส่วนหนึ่งที่ไม่นำมาคิดคะแนน ข้อสอบส่วนนี้คือว่าที่ข้อสอบ SAT ในอนาคตที่ College Board (ผู้ออก SAT) ต้องการทดสอบดูว่าเหมาะสมเอามาใช้จริงหรือไม่ โดยจะเป็นข้อสอบจากการอ่าน คณิตศาสตร์หรือการเขียนก็ได้ แต่เป็นข้อสอบตัวเลือก ให้เวลาทำ 25 นาที
การคิดคะแนน?ข้อสอบ SAT
ขั้นแรกจะให้คะแนนดิบก่อน นั่นคือเมื่อตอบถูกจะได้ 1 คะแนน ตอบผิดหัก 0.25 คะแนน ถ้าไม่ตอบก็ไม่ได้ไม่เสียคะแนน ยกเว้นข้อสอบส่วนคณิตศาสตร์ที่ให้เติมคำตอบเอง ถ้าตอบผิดจะไม่เสียคะแนน จากนั้นจะนำคะแนนดิบมาแปลงเป็นคะแนนอิงกลุ่ม นั่นคือที่มาของคะแนน 200-800 ในแต่ละส่วน โดยเปรียบเทียบกับของทุกคนที่สอบรอบเดียวกัน และเทียบกับคะแนนเดิมสำหรับผู้ที่เคยสอบแล้วด้วย
การสมัครสอบ SAT
เข้าไปที่ sat.org/international แล้วเลือกที่ Register จากนั้นเลือก Sign Up จากนั้นจะเป็นหน้ากรอกข้อมูลเพื่อเป็นสมาชิกของ College Board กรอกข้อมูลให้ครบค่ะ แล้วกด Submit
หลังจากเสร็จสิ้นการสมัครสมาชิกเว็บไซต์ของ College Board แล้ว จะกลายเป็นหน้ากรอกข้อมูลสมัครสอบ SAT ให้โดยอัตโนมัติค่ะ กรอกข้อมูลตามขั้นตอนไปเรื่อยๆ ถ้ามีคำว่า (optional) ก็คือข้าม ไม่ต้องกรอกข้อนั้นก็ได้ค่ะ
จนมาถึงหน้า Select Test & Center ให้ใส่ว่าจะสอบวันไหน ที่ไหนค่ะ
จากนั้นก็อัพโหลดรูปตัวเองค่ะ มองกล้อง ยิ้มแย้มได้ เห็นหน้าชัดเจน เหมือนในตัวอย่าง แต่ต้องรูปที่เหมือนตัวจริงนะคะ ไม่ใช่รูปสวยเว่อร์ แต่วันสอบไปแบบโทรมมาก
เมื่อถึงขั้นตอนเกือบสุดท้าย จะเป็นตัวอย่างใบสมัครที่มีข้อมูลทั้งหมดที่กรอกไป ตรวจสอบว่าถูกต้องหรือไม่
และด้านล่างสุดคือจำนวนเงินที่ต้องจ่ายค่ะ
แล้วก็ถึงขั้นตอนสุดท้าย คือจ่ายเงินค่ะ ใช้บัตรเครดิตของธนาคารหรือห้างไหนก็ได้ที่เป็น VISA, Master Card, American Express, Discover/Diners หรือ JCB (บัตรจะเป็นชื่อใครก็ได้)
เมื่อการชำระเงินเสร็จสมบูรณ์ น้องก็สามารถพิมพ์ตั๋วเข้าห้องสอบออกมาได้ค่ะ
ค่าสอบ?ข้อสอบ SAT
ค่าสมัครสอบคือ US$ 50 (ประมาณ 1,500 บาท) ส่วน US$ 31 (ประมาณ 930 บาท) คือค่าธรรมเนียมสอบต่างประเทศค่ะ เป็นค่าขนส่ง ค่าระบบรักษาความปลอดภัย และอื่นๆ
ทั้งหมด US$ 81 นี้จะรวมค่าส่งผลคะแนน SAT ให้ 4 ฉบับแล้วค่ะ น้องๆ สามารถสั่งให้ส่งผลคะแนนไปยังมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้โดยตรงถึง 4 แห่งเลย แต่ถ้าต้องการมากกว่านี้จะต้องเสียเพิ่มอีกฉบับละ US$11
วันสอบ?
SAT จัดสอบปีละ 6 ครั้งคือเดือนตุลาคม, พฤศจิกายน, ธันวาคม, มกราคม, พฤษภาคม และมิถุนายน ส่วนสนามสอบในสหรัฐอเมริกาจะมีอีกหนึ่งครั้งในเดือนมีนาคม รอบล่าสุดที่จะถึงนี้คือ 4 พฤษภาคม และ 1 มิถุนายน
โดยทั่วไปแล้วจะปิดรับสมัครประมาณ 1 เดือนก่อนถึงวันสอบ ฉะนั้นตรวจสอบตารางดีๆ นะคะ เพราะค่าสมัครสายแพงยิ่งกว่านี้อีก
สนามสอบ SAT?สอบในไทยมีที่ใดบ้าง
- โรงเรียนนานาชาติบริติช ภูเก็ต
- โรงเรียนนานาชาติเปรม (PTIS) เชียงใหม่
- โรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ (CMIS)
- โรงเรียนประชาคมนานาชาติ (ICS) กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาตคิวเอสไอ (QSI) ภูเก็ต
- โรงเรียนนานาชาติคิซ (KIS) กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาติล้านนา (LIST) เชียงใหม่
- โรงเรียนนานาชาติเวลล์ส กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาติภาคตะวันออก (ISE) ชลบุรี
- โรงเรียนนานาชาติกีรพัฒน์ กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีวิเทศศึกษา กรุงเทพ
- โรงเรียนนานาชาติไทย-จีน สมุทรปราการ
- โรงเรียนนานาชาติใหม่แห่งประเทศไทย (NIST) กรุงเทพ
เรื่องน่ารู้ของ ข้อสอบ SAT
- สอบกี่ครั้งก็ได้ แต่ปกติสอบกันไม่เกิน 2 ครั้ง
- คำศัพท์ที่ออกมักเป็นศัพท์ที่ไม่ค่อยเจอ หรือเป็นคำที่เจอบ่อยแต่เลือกความหมายที่แทบไม่เคยใช้ ฉะนั้นเลือกอ่านหนังสือศัพท์สำหรับ SAT โดยเฉพาะ และอย่าลืมดูความหมายแปลกๆ ของคำศัพท์นั้นๆ ด้วย (อ่านวรรณกรรมคลาสสิกก็ช่วยได้)
- นำเครื่องคิดเลขเข้าไปได้ แต่ห้ามใช้โทรศัพท์คิดเลข แต่ส่วนใหญ่คิดว่าไม่จำเป็น เพราะตัวเลขที่ต้องคำนวณไม่ซับซ้อน มักเป็นปัญหาเชาวน์ที่สามารถตอบได้ด้วยการวาดภาพหรือคิดคร่าวๆ
- ปัญหาใหญ่ของเด็กไทยในการทำข้อสอบคณิตศาสตร์คือแปลโจทย์ไม่ออก ดังนั้นควรท่องศัพท์คณิตศาสตร์เพิ่ม หามาว่าพวกเส้นผ่านศูนย์กลาง มุมกลับ ทรงกระบอก จำนวนเต็ม ค.ร.น. หรือห.ร.ม. ภาษาอังกฤษคืออะไร
- ส่วนการเขียนเป็นส่วนที่เตรียมตัวได้น้อยที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะให้เขียนอะไร ฉะนั้นไวยากรณ์ต้องเป๊ะ และฝึกเขียนเยอะๆ เรื่องอะไรก็ได้ ทำบ่อยจะได้ค่อยๆ ชิน
- ส่วนของ error นั้นมีเคล็ดลับว่าให้อ่านโจทย์โดยไม่ดูว่าคำไหนโดนขีดเส้นใต้ป็นตัวเลือก เพราะบางข้อที่ง่ายๆ อ่านแล้วจะสะดุดคำนั้นทันที แต่ถ้ามองตัวเลือกก่อนก็จะรู้สึกว่าถูกทุกอัน ไม่ก็ผิดทุกอัน
- เจาะลึกข้อสอบ SAT…ข้อสอบแอดมิชชั่นของเด็กอเมริกัน!!
- ข้อสอบจะเรียงลำดับจากง่าย-ปานกลาง-ยาก (ยกเว้นการอ่าน passage) ถ้าเป็นข้อแรกๆ ก็คือข้อง่าย เมื่อเจอตัวเลือกที่น่าจะถูกปุ๊บ แปลว่ามันถูก แต่ถ้าเป็นข้อหลังๆ ซึ่งเป็นข้อยาก เมื่อไม่แน่ใจ พยายามอย่าเลือกตัวเลือกที่น่าจะถูก เพราะมักเป็นตัวหลอก
- คะแนนเฉลี่ยทั่วไปของส่วนการอ่านคือ 501 คณิตศาสตร์ 516 และการเขียน 492 คะแนน โดยผู้ที่ได้คะแนนระดับนี้มักตอบตัวเลือกที่ ?น่าจะถูก? ทั้งข้อง่ายและยาก ฉะนั้นอย่าลืมว่าข้อยากมันจะหลอก
ตัวอย่างข้อสอบ SAT
Critical Reading In line 5, “surveying” most nearly means
A. calculating the value of comprehensively B. examining comprehensively C. determining the boundaries of D. polling randomly E. conducting a statistical study of
Critical Reading Hoping to ______ the dispute, negotiators proposed a compromise that they felt would be ______ to both labor and management. A. enforce..useful B. end..divisive C. overcome..unattractive D. extend..satisfactory E. resolve..acceptable
Mathematics
A special lottery is to be held to select the student who will live in the only deluxe room in a dormitory. There are 100 seniors, 150 juniors, and 200 sophomores who applied. Each senior’s name is placed in the lottery 3 times; each junior’s name, 2 times; and each sophomore’s name, 1 time. What is the probability that a senior’s name will be chosen?
A. 1/8 B. 2/9 C. 2/7 D. 3/8 E. 1/2 Mathematics
At the beginning of 2006, both Alan and Dave were taller than Boris, and Boris was taller than Charles. During the year, Alan grew 2 inches, Boris and Dave each grew 4 inches, and Charles grew 3 inches. Of the following, which could NOT have been true at the beginning of 2007?
A. Alan was shorter than Boris. B. Alan was shorter than Charles. C. Boris was shorter than Dave. D. Dave was shorter than Alan. E. Dave was shorter than Charles.
Writing
The other delegates and him immediately accepted the resolution A. B. C.
drafted by the neutral states. No error D. E.
Writing
ดูว่าส่วนที่ขีดเส้นใต้ถูกแล้วหรือควรเปลี่ยนเป็นอะไร
Laura Ingalls Wilder published her first book and she was sixty-five years old then.
A. and she was sixty-five years old then B. when she was sixty-five C. at age sixty-five years old D. upon the reaching of sixty-five years E. at the time when she was sixty five
เฉลย
- Critical Reading 1: B (คำใบ้คือแม้จะแปลไม่ออก อ่านไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าเข้าใจ fossil กับสาขาที่คนนี้จบมา จะเลือกได้ว่าเขาน่าจะตรวจสอบมันมากกว่าทำอย่างข้ออื่น)
- Critical Reading 2: E (เคล็ดลับคือดูทีละช่องว่าง อย่าคิดแบบเป็นคู่พร้อมกัน แล้วจะค่อยๆ ตัดช้อยส์ออกได้)
- Mathematics 1: D (ข้อนี้คิดเลขง่ายมาก อย่าคิดลึก)
- Mathematics 2: E (เคล็ดลับคือวาดภาพ หรือสมมติความสูงเป็น 1.1, 1.2, 1.3, 1.3 เป็นต้น ให้เอาคำตอบมาคิดทีละช้อยส์ถ้าไม่รู้จะเริ่มคิดจากไหน)
- Writing 1: B (ลองอ่านโดยไม่สนใจเส้นใต้ อาจจะสะดุดที่คำนี้พอดี หรือแบ่งภาคประธาน กริยา กรรมก็ช่วยได้ดี)
- Writing 2: B (ข้อนี้ต้องดูคำว่า ‘and’ ว่าแปลว่าอะไร)
ข้อมูลครบถ้วนละเอียดหยิบแบบเจาะลึกกันไปเลย หรือน้องๆจะเข้าไปทำแบบฝึกหัดเองได้ที่?http://sat.collegeboard.org/home ?หรือ?ดาวน์โหลดแอพลิเคชั่นติวคำศัพท์ SAT ไว้ท่องศัพท์จะได้ภาษาเพิ่มเติมนะจ้ะ
ที่มา เด็กดีดอทคอม
ข้อมูล http://sat.collegeboard.org/home http://www.princetonreview.com/
ภาพประกอบ sat.collegeboard.org http://aventalearning.com http://www.trudeautest.com/
No comments:
Post a Comment